วันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

SMARTPHONE

โทรศัพท์มือถือ หรือ โทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นอุปกรณ์สื่อสารอิเลคทรอนิคส์ลักษณะเดียวกับโทรศัพท์บ้านแต่ไม่ต้องใช้สายโทรศัพท์ จึงทำให้สามารถพกพาไปที่ต่างๆได้ โทรศัพท์มือถือใช้คลื่นวิทยุในการติดต่อกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือโดยผ่าน สถานีฐาน โดยเครือข่ายของโทรศัพท์มือถือแต่ละผู้ให้บริการจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายของ โทรศัพท์บ้านและเครือข่ายโทรศัพท์มือถือของผู้ให้บริการอื่นๆ  โทรศัพท์ มือถือในปัจจุบันนอกจากจะมีคุณสมบัติในการสื่อสารทางเสียงแล้วยังมีความสามารถอื่นอีก เช่น สนับสนุนการสื่อสารด้วยข้อความ เช่น SMS ,การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต, การสื่อสารด้วยแบบ Multimedia เช่น  MMS, นาฬิกา, นาฬิกาปลุก, นาฬิกาจับเวลา, ปฏิทิน, ตารางนัดหมาย, สเปรดชีต, โปรแกรมประมวลผลคำ, รวมไปถึงความสามารถในการรองรับแอปพลิเคชันของจาวา เช่น เกมส์ต่างๆได้ โทรศัพท์เคลื่อนที่เครื่องแรกถูกผลิตและออกแสดงในปี พ.ศ. 2516 โดย มาร์ติน คูเปอร์ (Martin Cooper) นักประดิษฐ์จากบริษัทโมโตโรล เป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 1.1 กิโลกรัม ปัจจุบันจำนวนผู้ใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากปี พ.ศ. 2543 ที่มีจำนวน 12.4 ล้านคน มาเป็น 4,600 ล้านคน (วรากรณ์  สามโกเศศ,2547)

 วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือ
                 1.ยุค 1G (1st Generation) เริ่มตั้งแต่ยุคแรก ระบบยังเป็นระบบอะนาล็อก (Analog) และมีการแบ่งความถี่ออกมาเป็นช่องเล็กๆ ในยุคนี้เราสามารถใช้งานทางด้าน Voice ได้เพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ในยุคนี้ผู้ใช้ก็ยังไม่ได้มีความต้องการที่จะใช้บริการประเภทอื่น
ที่มา : http://mobilephone2555.blogspot.com/2012/09/blog-post.html

2.ยุค 2G (2nd Generation) เนื่องจากผู้ใช้มีความต้องการและความหลากหลายด้าน การบริการมากขึ้น จึงได้มีการพัฒนาการส่งคลื่นทางคลื่นวิทยุจากแบบอะนาล็อกมาเป็นแบบ digital ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานทางด้านข้อมูลได้นอกเหนือจากบริการเสียง ทำให้ยุคนี้กลายเป็นยุคเฟื่องฟูของโทรศัพท์มือถือ และเพราะการให้บริการทางด้านข้อมูล ทำให้เกิดบริการอื่นๆ ที่ตามมมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นDownload Ringtone Wallpaper Graphic ต่างๆ แต่บริการในยุคนี้ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ยังอยู่ระดับต่ำ


ที่มา : http://mobilephone2555.blogspot.com/2012/09/blog-post.html
3.ยุค 2.5G (2.5 Generation) หลังจากนั้นเป็นยุคที่อยู่ระหว่าง 2G และ 3G ซึ่งก็คือ 2.5G ใน 2.5G นี้เป็นยุคที่มีการนำเทคโนโลยี GPRS (General Packet Radio Service) มาใช้ เพื่อเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลให้มากกว่ายุค 2Gเทคโนโลยี GPRS สามารถส่งข้อมูลได้ที่ความเร็วสูงสุดถึง 115 kbps แต่ ความเร็วของ GPRS ในการใช้งานจริงจะถูกจำกัดให้อยู่ที่ประมาณ 40 kbps เท่านั้น ซึ่งในยุค 2.5G นั้นจะเป็นยุคที่เริ่มมีการใช้บริการในส่วนของข้อมูลมากขึ้น และการส่งข้อความก็พัฒนาจาก SMS มาเป็น MMSโทรศัพท์มือถือก็เริ่มเปลี่ยนจากจอขาวดำมาเป็นจอสี เสียงเรียกเข้า จากเดิมที่เป็นเพียง Monotone ก็เปลี่ยนมาเป็น Polyphonic รวมไปถึง True tone ต่างๆ ด้วย



ที่มา : http://mobilephone2555.blogspot.com/2012/09/blog-post.html

4.ยุค 2.75G คือยุคที่ต่อเนื่องมาจาก GPRS แต่จะมีการพัฒนาความเร็วในการส่งข้อมูลเพิ่มสูงขึ้น และเรียกเทคโนโลยีที่สามารถเพิ่มความเร็วในการรับส่งข้อมูลว่า EDGE (Enhanced Data rates for Global Evolution) ซึ่งจะมีความเร็วมากกว่า GPRS ประมาณ 3 เท่า หรือมีความเร็วสูงสุดประมาณ 384 kbps แต่มีความเร็วในการใช้งานจริงประมาณ 80-100 kbps

5.ยุค 3G (Third Generation) เทคโนโลยีการสื่อสารในยุคที่ 3 นั้นจะเป็นเทคโนโลยีที่ผสมผสานการรับส่งข้อมูล และเทคโนโลยีที่อยู่ในปัจจุบันเข้าด้วยกัน รวมทั้งส่งผ่านข้อมูลในระบบไร้สาย (Wireless) ที่ความเร็วที่สูงกว่ายุค 2.75G นอกจากนี้ 3G ยังสามารถให้บริการมัลติมีเดียได้อย่างสมบูรณ์แบบ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การรับส่งข้อมูลแอพพลิเคชั่น (Application) รวมทั้งบริการระบบเสียงดีขึ้น เช่น การรับส่ง File ที่มีขนาดใหญ่ การใช้บริการ Video/Call Conference ดาวน์โหลดเพลง ชมภาพยนตร์แบบสั้นๆ ดู TV Streaming ต่างๆได้



6.4G ระบบโทรศัพท์มือถือที่กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนาและทดสอบ เชื่อกันว่าโทรศัพท์มือถือในยุคนี้จะสามารถสนับสนุน แอปพลิเคชันที่ต้องการแบนด์วิธสูงเช่น ความจริงเสมือน 3 มิติ (3D virtual reality) หรือ ระบบวิดีโอที่โต้ตอบได้ (interactive video) เป็นต้น


ที่มา : http://mobilephone2555.blogspot.com/2012/09/blog-post.html

ข้อดีและข้อเสียของโทรศัพท์มือถือ

                                ข้อดีของโทรศัพท์มือถือ
                1. หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก ถ้าเกิดเราหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณเลย แต่มีเหตุด่วนเหตุร้าย ให้กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้เองอัตโนมัติ แม้แต่เราล็อคปุ่มก็ยังกดเบอร์นี้ได้..ลองดูสิ
                2. ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ...สำหรับรถที่ใช้ Remote Key ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่เรามีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (เราต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วยนะ) เมื่อเขารับแล้วให้เราบอกเขาให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรองในขณะที่เราถือมือถือให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต (คนที่อยู่บ้านที่เราวานให้กดต้องเอากุญแจไปจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่ กดปุ่ม) ประตูรถก็จะเปิดออกเหมือนเรากดปุ่มรีโมทด้วยตัวเองเลยแหละ ระยะทางไม่มีปัญหาแม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อย ๆ กม. ก็ตาม
                3. ทำให้เราสามารถสื่อสารถึงกันและกันได้ตลอดเวลา และแทบทุกสถานที่ ทำให้เราสามารถโทรนัดสถานที่ หรือโทรเรียกช่าง/บริษัทประกันมาได้ทันท่วงที เมื่อรถเสีย รถชนบนทางด่วนหรือในบางสถานที่ที่ไม่มีโทรศัพท์สาธารณะ ฯลฯ

                ข้อเสียของโทรศัพท์มือถือ
1. โทรศัพท์มือถือได้ก่อให้เกิดโรคใหม่ๆ หลายประการ ดังนี้
                          - โรคเห่อตามแฟชั่น นิยมเปลี่ยนมือถือไปตามแฟชั่นเพื่อให้อินเทรน ดูทันสมัย ไม่ตกรุ่น
                          - โรคทรัพย์จาง ดิ้นรนหาเงินเพิ่มหรือไปกู้หนี้ยืมสินมาซื้อมือถือ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มมากขึ้นจากค่าโทรศัพท์และค่าบริการต่างๆ
                           - โรคขาดความอดทนและใจร้อน เพราะความสะดวกสบายในการใช้โทรศัพท์มือถือ ที่ว่าตรงไหนก็ได้ เวลาใดก็ได้ กดปุ๊บ ติดปั๊บนี่เอง ทำให้หลายๆ คนกลายเป็นคนที่ทนรอใครนานไม่ได้ หรือไม่ยอมทนแม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
                             - โรคขาดกาลเทศะ และมารยาท เช่น การใช้โทรศัพท์เวลาประชุม อาจเป็นการรบกวนผู้อื่นในเวลานอน เวลารับประทานอาหาร เวลาพักผ่อน หรือเป็นวันหยุด กำลังใช้เวลาอยู่กับครอบครัว เป็นต้น
                               - โรคขาดมนุษยสัพมันธ์ หากวันไหนไม่ได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อน ก็อาจจะเกิดอาการเฉาหรือเหงาหงอย โดยไม่คิดจะมีมนุษยสัมพันธ์กับเพื่อนคนอื่นหรือคนที่อยู่รอบข้าง กลายเป็นคนแยกตัวออกจากสังคม
                2. นอกจากโรคดังกล่าวข้างต้นแล้ว โทรศัพท์มือถือยังมีผลข้างเคียงทำให้เสียสุขภาพในด้านอื่นๆ อีก เช่น ทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น เพราะมัวแต่คุยทั้งวันทั้งคืนเลยนอนดึก นอนไม่พอ ทำให้หูตึงหรือมีโรคเกี่ยวกับหู เกิดอาการปวดหัว ไมเกรนหรือมีปัญหาทางเส้นประสาท เพราะคลื่นจากมือถือที่มีกำลังส่งแรงสูง
                3. ทำให้เกิดพวกโรคจิตเพิ่มขิ้น คือพวกที่ชอบแอบถ่าย หรือบางคนก็ถ่ายภาพหวิวของตัวเองไปลงตามอินเตอร์เน็ต เพราะทำได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น
                4. หลายๆ ครั้ง มือถือทำให้ขาดความระมัดระวัง ขับไปพูดไป จนทำให้เกิดอุบัติเหตุ รถชนกัน หรือชนคนอื่น
                5. นอกจากนี้ มือถือยังก่อให้เกิดอาชญากรรม ถูกคนร้ายติดตามมาทำร้ายร่างกายหรือแย่งชิงทรัพย์ได้ง่ายอีกด้วย
                 
                    ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องปกติที่ทุกอย่างจะเปรียบเสมือนกับดาบสองคม ที่ด้านหนึ่งย่อมต้องมีประโยชน์ อย่างไรก็แฝงมากับโทษที่ไม่เคยทราบมาก่อน มือถือให้ประโยชน์กับเรามากมาย แต่ทุกอย่างอยู่ที่เราเลือกใช้เลือกปฏิบัติ แบ่งเวลาให้ถูกต้อง แค่นี้เราก็จะมีความสุขกับการใช้โทรศัพท์มือถือแล้ว

วีดีโอ วิวัฒนาการโทรศัพท์มือถือ
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=YWiDOygLN2Y

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

บทความวิชาการเรื่อง SMARTPHONE

                    


                                  การพัฒนาและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการสื่อสารและอินเตอร์เน็ต ทำให้โลกในปัจจุบันเปรียบเสมือนโลกที่ไร้พรมแดน ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารต่อกันได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนของโลก อีกทั้งอินเตอร์เน็ตยังทำให้เกิดสังคมออนไลน์ขนาดใหญ่ ที่เรียกว่า เครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งเปรียบเสมือนสังคมของโลกมนุษย์จริง ที่ผู้คนสามารถพูดคุย แลกเปลี่ยน รับฟัง ข้อเสนอแนะ คำติชม บอกเล่าเรื่องราวสิ่งที่ได้พบมา ผ่านทางโลกออนไลน์ พฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดังกล่าวนี้เอง ที่ทำให้นักการตลาด สามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ให้เหมาะกับพฤติกรรมของผู้บริโภค ทั้งนี้รวมไปถึงการพัฒนาโทรศัพท์สมาร์ทโฟน ซึ่งในปัจจุบันมีผู้ใช้จำนวนมาก ซึ่งปัจจัยที่ทำให้ตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วิเคราะห์ได้เป็นประเด็นต่าง ๆดังนี้
1. การเข้าถึงได้ง่าย  หากลองมองย้อนไป 2-3 ปีก่อนหน้านี้ สมาร์ทโฟนราคาก็สูงมากเมื่อเทียบกับโทรศัพท์มือถือทั่วๆไปที่คนนิยมในตอนนั้น จำนวนสมาร์ทโฟนมีไม่มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผู้บริโภคเริ่มหันมานิยมมากขึ้น เนื่องจากประสิทธิภาพที่โดดเด่นของตัวสมาร์ทโฟนเองบวกกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ดังนั้นสมาร์ทโฟนจึงกลายเป็นคำตอบของผู้บริโภคในปัจจุบัน ทำให้ความต้องการมีมากขึ้น เมื่อมีความต้องการบรรดาผู้ผลิตต่างก็เร่งพัฒนาสมาร์ทโฟนแบรนด์ตนเองขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆในตลาด ดังนั้นการแข่งขันทางราคาก็ตามมา สิ่งเหล่านี้ทำให้สมาร์ทโฟนในยุคปัจจุบันมีความหลากหลายเพื่อให้คนหลายๆระดับสามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟนได้ง่ายขึ้น
2. การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะหากมองให้ลึกลงไปในความต้องการของผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนนั้นแน่นอนว่ามีความหลากหลาย เช่น ต้องการ social network, ต้องการความบันเทิง, ต้องการความสะดวกในการรับข้อมูลข่าวสาร เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้นำไปสู่การพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของสมาร์ทโฟนขึ้นเรื่อยๆ เช่น จากเดิมที่เครื่องมี spec เท่านี้เมื่อเวลาผ่านไปสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ก็ออกมาด้วย spec ที่สูงขึ้น เพื่อการใช้งานที่ดีขึ้น, หรือจะเป็นการพัฒนาฟังก์ชั่นใหม่ๆออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการ สิ่งเหล่านี้ทำให้สมาร์ทโฟนดูน่าสนใจและมีอะไรใหม่ๆตลอดเวลาไม่หยุดนิ่ง มีผลทำให้บรรดาผู้ใช้งานที่ต้องการความแปลกใหม่หรือเป็นคนชอบลองอะไรใหม่ๆสนใจที่จะจับจองเป็นเจ้าของสมาร์ทโฟนกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
3. การใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน  เมื่อครั้งที่มีระบบเครือข่าย Internet เข้ามาใหม่ๆ องค์กรต่างๆได้มีการนำเอาตัวเองเข้าสู่ระบบเพื่อความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลระหว่างคู่ค้า, ลูกค้า, หรือผู้รับบริการ ต่อมาในปัจจุบันในยุคที่สมาร์ทโฟนเริ่มเข้ามามีบทบาท องค์กรต่างๆก็เริ่มมีความพยายามเข้าสู่เครือข่ายของสมาร์ทโฟนเพื่อช่วยในการทำกิจกรรม,ธุรกรรมด้วย เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน, การสั่งซื้อตั๋วออนไลน์, การ Trade หุ้น, การนัดพบแพทย์ตามโรงพยาบาล เป็นต้น โดยสิ่งเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเข้าถึงได้มากขึ้นอีกด้วย จึงเป็นผลให้ต่อไปสมาร์ทโฟนจะทำให้ชีวิตง่ายขึ้นก็ว่าได้ นำไปสู่ความต้องการในการครอบครองสมาร์ทโฟนนั่นเอง
4. การมีให้เลือกหลายคุณสมบัติ ทุกวันนี้ผู้บริโภคสามารถเลือกสมาร์ทโฟนได้มากมายหลายยี่ห้อ รวมทั้งในเรื่องของคุณภาพ, ราคา, คุณสมบัติของแต่ละยี่ห้อ ซึ่งทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนเกิดการแข่งขันทางด้านราคาค่อนข้างสูง ซึ่งก่อให้เกิดผลดีแก่ผู้บริโภค เนื่องจากทำให้ราคาในท้องตลาดถูกลงค่อนข้างมาก


                                                      การวิเคราะห์ตลาดมือถือในประเทศไทย
                   ตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยเปลี่ยนไปในทิศทางใหม่ โทรศัพท์มือถือแบบเก่าที่มีเพียงฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถโทรเข้าโทรออก ถ่ายรูปฟังเพลงได้ กลายเป็นฟังก์ชั่นพื้นที่ฐานที่โทรศัพท์ทั่วไปต้องมี โทรศัพท์ที่กำลังเป็นที่นิยมกันมากในปัจจุบันเรียกว่า สมาร์ทโฟน ซึ่งมีฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลายรูปแบบทั้งโทรเข้า-ออก รวมสื่อบันเทิง เพลง วิดีโอ และการสามารถท่องโลกอินเตอร์เน็ตได้เสมือนคอมพิวเตอร์ มือถือ โดยนับตั้งแต่ปี 2552 ที่สมาร์ทโฟนของบริษัทยักษ์ใหญ่ Apple ได้ปล่อยสมาร์ทโฟนที่กล่าวว่าเป็นโทรศัพท์ที่ดีที่สุดของยุคนั้น คือ iphone 3G เปรียบเสมือนการเปิดตลาดให้สมาร์ทโฟนเข้ามาเป็นที่นิยมทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยที่เริ่มนิยมใช้และเป็นกระแสทางการตลาดที่เริ่มรุนแรงเนื่องจากการพัฒนาปรับปรุงของสมาร์ทโฟนแต่ละค่ายเป็นไปอย่างรวดเร็ว  แนวโน้มในอนาคตของตลาดสมาร์ทโฟนในประเทศไทยจะมีการพัฒนาตามกระแสโลกโดยมี Apple เป็นหลัก ในขณะที่บริษัทซัมซุงก็กำลังเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีความสามารถเทียบเท่าโดยการนำระบบปฏิบัติการแอนดรอย์ที่เริ่มตีตลาดแพลตฟอร์มโลกมีอัตราการใช้งานที่สูสีกับไอโอเอส

                                                                 ผลกระทบต่อตนเองและสังคม
               ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ห่างเหินกัน   เพราะทุกคนหันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่สื่อสารกันแทนการไปมาหาสู่   เช่น   การใช้ Video Conference แทนการพบปะปะชุมกัน   อาจก่อให้เกิดปัญหาการว่างงานเพราะการใช้เทคโนโลยีโทรคมนาคมใหม่ๆ แทนที่แรงงาน   เช่น   การใช้ระบบ Call Center แทนการใช้พนักงาน Operator อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิต หรือพิการเป็นภาระของสังคมต่อไป   อาจทำให้สูญเสียขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมอันดีของเดิมไป   เพราะไปรับวัฒนธรรมใหม่ที่ผ่านเทคโนโลยีสื่อสารคมนาคมสมัยใหม่อย่างรวดเร็ว   อาจสูญเสียความเป็นอิสระ   ความเป็นส่วยตัว   เพราะเทคโนโลยีสื่อสารคมนาคมติดตามตัวไปทุกหนทุกแห่งจนสูญเสียความเป็นอิสระ   และความเป็นส่วนตัวไปรวมทั้งยังก่อให้เกิดความฟุ้งเฟ้อ  โดยถือว่าการมีโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นเครื่องประดับแสดงฐานะทางสังคมอย่างหนึ่ง   ที่จำเป็นต้องมีเพื่อความทัดเทียมกับผู้อื่น

บรรณานุกรม
พงศ์เพชร อินทร์เพชร. (ม...). โทรศัพท์มือถือภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม. สืบค้นเมื่อ 11 มกราคม   2557, จาก http://www.stou.ac.th/study/sumrit/7-53(500)/page1-7-53(500).html
       ฤทธิชัย เจริญผ่อง.(ม...)พัฒนาการโทรศัพท์มือถือก่อนจะเป็นสมาร์ทโฟน
                              สืบค้นเมื่อ 15 มกราคม    2557,     จาก       http://y34.wikidot.com/it-report01-050


                                                    ประสบการณ์ และบทเรียนการใช้อุปกรณ์มือถือ (เรื่องเล่า)
                แอร์โฮสเตสสาว ของสายการบิน China Southern Airlines วัย 23 ปี  โดนไฟช็อตเสียชีวิต จากการใช้งานโทรศัพท์ iPhone 4 โดยเสียบชาร์จมือถือไฟไปแล้วโทรไปด้วย เกิดอุบัติเหตุไฟช็อต โดยสาเหตุเบื้องต้นเกิดจากการใช้ Adaptor ของ iPhone ของปลอมด้วย  ซึ่งเป็นไปได้เพราะ ตัวชาร์จ iPhone ปลอมนี้เป็นไฟเเบบ 100 – 120 Volts  ขณะที่ประเทศจีนใช้ไฟแบบ 220 Volts  ในขณะที่ตัวชาร์จ iPhone ของแท้ ที่ไม่เกิดไฟช็อตเป็นส่วนใหญ่จะผ่านการตรวจสอบจาก Apple สหรัฐอเมริกา ก่อนขายจริงตามร้านตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับการติดตั้งจากทาง Apple
               บทสรุปคือแม้ว่าอุปกรณ์เสริมของแท้  จะดูแพงหน่อยแต่การใช้งานของแท้จะทำให้คุณไม่เสียตังค์ไปฟรีๆ  และช่วยให้คุณรอด ปลอดภัยจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเหล่านี้  หากใช้ของปลอมอยู่ อุบัติเหตุแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งอาจถึงขั้นบาดเจ็บหรือเสียชีวิตได้